แชร์

ความสำคัญของสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและคอนโด

ความสำคัญของสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและคอนโด

หนังสือสัญญาจะซื้อจะขายบ้านหรือคอนโด คืออะไร
ในที่นี้ หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย เป็นหนังสือสัญญาที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ต่ออสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่โอนไปยังผู้ซื้อ แต่ระบุเงื่อนไข ข้อตกลงเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ในลำดับต่อไป ซึ่งจะเป็นสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย พร้อมแสดงวัตถุประสงค์ของสัญญานี้ ว่าต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ตามที่ระบุในสัญญา พร้อมวางเงินมัดจำไว้เป็นประกันว่าจะมีการทำสัญญาซื้อขายระหว่างกัน และผู้ขายจะไม่ขายให้กับผู้อื่น

ความสำคัญของหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย
หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย ถือได้ว่าเป็นเอกสารสำคัญสำหรับคนซื้อบ้าน ซื้อคอนโด จำเป็นต้องรู้และศึกษา เนื่องจากเป็นเอกสารทางกฎหมายสำคัญที่ช่วยปกป้องสิทธิให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย พร้อมทั้งยังเปรียบเสมือนสัญญาว่าผู้ซื้อและผู้ขายจะปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในสัญญา ทั้งนี้หากเกิดข้อพิพาทกัน สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในศาลได้

ซื้อขายบ้านหรือคอนโด ควรวางมัดจำเท่าไร
เมื่อผู้ซื้อตกลงจะซื้อบ้านหรือคอนโด ส่วนใหญ่แล้วทางโครงการจะแนะนำให้วางเงินมัดจำ หรือเงินจองประมาณ 1-5% ของราคาขาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโครงการด้วย

รายละเอียดภายในหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายบ้าน
ภายในหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายมีการระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นต้องทำการศึกษา โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


1.ระบุสถานที่ และวันเดือนปี
บริเวณด้านมุมบนของหัวสัญญาจะซื้อจะขาย จะต้องมีการระบุสถานี วัน เดือน ปี ที่ทำสัญญาจะซื้อจะขาย ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายอย่างชัดเจน


2.รายละเอียดผู้ซื้อและผู้ขาย
ภายในสัญญาจะซื้อจะขาย ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับบ้านหรือคอนโด ทั้งชื่อโครงการ ที่ตั้งโครงการ ขนาดพื้นที่ใช้สอย พื้นที่บ้าน ตำแหน่งของบ้านหรือห้องชุด เลขที่บ้าน เลขที่ห้องชุด เป็นต้น


3.รายละเอียดเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์
หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย มีการระบุวันที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ และสถานที่สำนักงานเขตที่ดิน โดยกำหนดระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน เพื่อให้ผู้ซื้อดำเนินการติดต่อธนาคาร เดินเรื่องยื่นกู้ ดูรายละเอียดสินเชื่อบ้านในอันดับต่อไป


4.รายละเอียดการส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
เป็นการระบุว่าผู้ขายจะส่งมอบที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้กับผู้ซื้อตามกำหนด และผู้ซื้อสามารถตรวจรับห้องชุดหรือบ้านก่อนโอนกรรมสิทธิ์ได้ โดยทางโครงการจะต้องแก้ไข ซ่อมแซม ส่วนที่ชำรุดก่อนจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์
การโอนสิทธิและคำรับรองของผู้จะขาย

5.การโอนสิทธิและคำรับรองของผู้จะขาย
รายละเอียดสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้ขายสามารถกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการโอนสิทธิให้บุคคลอื่นได้ ทั้งการกำหนดระยะเวลาการโอนสิทธิ ตลอดจนถึงการเสียค่าธรรมเนียมหากมีการโอนสิทธิให้ผู้อื่นก่อนกำหนด ทั้งนี้ในสัญญาจะซื้อจะขายจำเป็นต้องระบุไปด้วยว่าผู้ขายจะต้องไม่นำที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปมีภาระผูกพันใดๆ ขึ้นอีก ตั้งแต่มีการทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย


6.การผิดสัญญาและระงับสัญญา
ส่วนของการผิดสัญญาและระงับสัญญา จะถูกแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ

-กรณีผู้ซื้อผิดสัญญา หากผู้ซื้อผิดสัญญา ไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือ หรือไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ ผู้ขายสามารถยึดเงินจองหรือเงินมัดจำได้
-กรณีผู้ขายผิดสัญญา ไม่ทำการขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ผู้ซื้อ หรือไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ ผู้ซื้อสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้


7.ระบุเงื่อนไขและข้อตกลง
หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย จะมีการระบุเงื่อนไขและข้อกำหนดอย่างชัดเจน รวมไปถึงกรณีผิดสัญญาและมีการระงับสัญญา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะผู้ซื้อหรือผู้ขาย


8.ลงนามในสัญญา
เป็นการลงชื่อของผู้ซื้อและผู้ขาย พร้อมพยานฝ่ายละ 1 คน โดยทั้ง 2 ฝ่าย ต้องเก็บสัญญาจะซื้อจะขายไว้คนละ 1 ฉบับ


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy