คู่มือเกี่ยวกับเงื่อนไขสัญญาเช่าเพื่อประกอบการธุรกิจค้าปลีก

คู่มือเกี่ยวกับเงื่อนไขและข้อกำหนดสัญญาเช่าเพื่อประกอบการธุรกิจค้าปลีก (ศูนย์การค้า)
มีสัญญาเช่าพื้นที่เพื่อประกอบธุรกิจค้าปลีกสองแบบในประเทศไทย
-สัญญาเช่าที่มีอายุ 3 ปี
-สัญญาระยะยาว โดยมีอายุ 10-30 ปี
นอกจากนั้นยังมีโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ เช่นการฝากขายสินค้า

อัตราค่าเช่าและค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีก (ค่าเช่า / สัญญาเช่า)

1. ค่าเช่าและเงินประจำงวด
ค่าเช่าจะคิดในรูปของเงินบาทไทยต่อตารางเมตรต่อเดือนและมักจ่ายล่วงหน้าเป็นเวลาหนึ่งเดือน ค่าเช่าสามารถนับเป็นเงินสุทธิ (รวมค่าบริการ) แต่เจ้าของอาคารขนาดใหญ่จะเก็บค่าเช่าแยกจากค่าบริการต่าง ๆ

2. เงินประกัน/เงินมัดจำ  
เงินประกัน จะเท่ากับจำนวนค่าเช่าสุทธิ 3-6 เดือน ซึ่งจะถูกเรียกเก็บเป็นเงินประกัน เงินประกันจะเรียกคืนได้หลังหมดสัญญาเช่าโดยไม่มีดอกเบี้ย

3. ค่าบริการ ค่าซ่อมบำรุงและประกันภัย
ผู้ทำธุรกิจค้าปลีกที่เช่าพื้นร้านค้าต้องจ่ายค่าสาธารณูปโภค ค่าติดต่อสื่อสารและค่าประกันบุคคลที่สาม ค่าบริการโดยปกติแล้วจะรวมอยู่ในค่าเช่า แต่ในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ค่าบริการจะเรียกเก็บแยกต่างหาก

4. ค่าดำเนินการเบี้ยประกันภัย
ค่าไฟฟ้า
ค่าโทรศัพท์
ค่าน้ำ
ค่าแก๊ส
ภาษีโรงเรือน
ภาษีมูลค่าเพิ่ม
5. ระยะเวลาตกแต่งร้านค้า
ระยะเวลาสำหรับตกแต่งร้านโดยไม่เสียค่าเช่ามักมีระยะเวลาหนึ่งเดือน โดยขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และค่าเช่า

6. สัญญาเช่า
เอกสารสัญญาที่มีข้อผูกพันทางกฎหมายที่จัดเตรียมให้โดยเจ้าของอาคารจะต้องถูกลงนามกำกับจากผู้ให้เช่า และผู้เช่า

7. การขึ้นค่าเช่า
การขึ้นค่าเช่าเกิดขึ้นในกรณีที่มีการชำระค่าเช่าเป็นรายเดือน ซึ่งปกติจะมีการขึ้นทุกสามปี เจ้าของอาคารและผู้เช่าควรปรึกษากันเกี่ยวกับอัตราการเพิ่มค่าเช่าก่อนทำการเซ็นสัญญา

8. ระยะเวลาการปล่อยเช่า
สัญญาเช่าเพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกที่ร่างขึ้นเพื่อการค้าแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ สัญญาเช่าระยะสั้น 3 ปี และสัญญาเช่าระยะยาว ซึ่งสัญญาเช่าระยะยาวมักมีอายุ 10 ปีหรือมากกว่า

9. การปล่อยเช่าต่อหรือสิทธิ์ในการจัดการพื้นที่
ข้อตกลงการเช่าเพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกโดยจะไม่อนุญาตให้ผู้เช่าปล่อยเช่าต่อนอกจากได้รับความยินยอมจากเจ้าของอาคาร

10. การยกเลิกสัญญาเช่า
ข้อตกลงการเป็นผู้เช่าจะไม่ให้สิทธิ์แก่ทั้งผู้เช่าและเจ้าของอาคารในการยกเลิกสัญญาเช่าในช่วงที่สัญญามีผล